วันอาทิตย์ที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2556

เครื่องขัดกระดาษทราย

เครื่องขัดกระดาษทราย เป็นเครื่องมือที่มีมอเตอร์ไฟฟ้า และกระดาษทรายแบบต่อเนื่องอยู่ด้านล่าง ทำงานโดยมีลูกกลิ้งสำหรับให้เลื่อนไปได้ทั้งหน้าและหลัง มีถุงสำหรับเก็บฝุ่นติดอยู่ที่ตัวเครื่อง เมื่อเปิดสวิตช์ให้ระบบทำงาน เครื่องจะทำการดึงกระดาษทรายผ่านลงมาในส่วนของตัวลูกกลิ้ง สามารถใช้ขัดพื้น ขัดผิวไม้ที่ขรุขระให้เรียบ บันได ขัดเพื่อการตกแต่ง และเพื่อให้ผิวไม้เรียบก่อนทำผิวให้สวยงาม ใช้ในการขัดมุม แต่งรูปชิ้นงานไม้ ลองสีเดิมออก หรือขัดรอยเชื่อม รอยต่อของไฟเบอร์กลาสสำหรับงานยนต์ได้อีกด้วย ซื่งเครื่องมือชนิดนี้สามารถแบ่งออกได้เป็น 4 แบบคือ


ภาพประกอบ เครื่องขัดกระดาษทราย

1. เครื่องขัดแบบสายพาน ใช้ขัดผิวงานที่หยาบ เพื่อปรับระดับผิวงานให้เรียบตามต้องการ และเหมาะสำหรับขัดพื้นผิวที่มีขนาดกว้าง ซึ่งสามารถใช้ได้ทั้งงานไม้และงานโลหะ

2. เครื่องขัดแบบสั่น เหมาะสำหรับขัดในพื้นที่แคบๆ ที่ไม่สามารถเลื่อนตัวเครื่องได้มาก ใช้ในการจัดตกแต่งผิวให้เรียบเนียน

3. เครื่องขัดแบบกลม มีลักษณะคล้ายกับเครื่องเจียร น้ำหนักเบา และมีหน้าสัมผัสที่แบนเรียบ กลมขนาดประมาณ 6 นิ้ว ใช้ในผิวงานที่มีส่วนโค้งมุม หรือชิ้นงานที่ใหญ่จนไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้

4. เครื่องขัดแบบแท่นผสม จะรวมเอาการทำงานของเครื่องขัดแบบต่างๆ ไว้ในเครื่องตัวเดียวกัน เพื่อง่ายต่อการทำงานในแบบต่าง ๆ มีขนาดใหญ่และมีน้ำหนักมาก ไม่สามารถเคลื่อนที่ได้อย่างสะดวก ควรติดตั้งไว้เฉพาะที่

- การเลือกใช้กระดาษทรายนั้น ควรเลือกใช้ให้เหมาะสมกับงาน โดยเลือกใช้เบอร์ 36 หรือ 40 สำหรับการขัดที่หยาบหรือลอกสี และเลือกใช้เบอร์ 150 สำหรับการขัดผิวสุดท้าย ก่อนทาน้ำมันชักเงาควรจับเครื่องด้วยมือทั้งสองข้างให้แน่น และเปิดเครื่องมือดังกล่าว เมื่ออยู่ห่างจากพื้นเสมอในขณะปฎิบัติงาน ให้ใช้น้ำหนักของตัวเครื่องเอง ขัดพื้นผิวให้ทั่วถึง ระวังอย่าให้เครื่องพลิกตะแคงเพราะอาจจะทำให้เกิดร่อง และอย่าขัดจุดใดจุดหนึ่งนานเกินไป เพราะจะทำให้เกิดเป็นหลุมตื้นๆ ได้ หากการขัดสีเดิมออกจากผิวทำให้กระดาษทรายหมดคมเร็ว ให้ปิดเครื่องและใช้แปรงลวดแข็ง ๆ ปัดฝุ่นออก.


ที่มาแหล่งข้อมูล : www.smr-marine.com

อุปกรณ์ความปลอดภัยในการทำงาน

ในการทำงานของเรานั้น สิ่งที่ต้องคำนึงถึงเป็นอันดับเเรก คือ "ความปลอดภัย"  เพราะหากเราทำงานด้วยความไม่ปลอดภัย ก็ย่อมก่อให้เกิดความเสียหายหลาย ๆ ด้าน ทั้งเครื่องไม้เครื่องมือ อุปกรณ์ เเละที่หนักสุดคือ อันตรายต่อชีวิตของเรา เเต่ในปัจจุบันก็ได้มีการผลิตอุปกรณ์ความปลอดภัยให้กับผู้ปฎิบัติงานทั้งที่เป็นมืออาชีพ เเละ มือใหม่ ให้ได้ใช้กันอย่างเเพร่หลาย ซึ่งมี่หลากหลายรูปแบบเพื่อให้เหมาะสมกับการใช้งาน เเละมีความสวยงาม น่าใช้งาน เเละที่สำคัญการเลือกซื้อเลือกใช้งานอุปกณ์ความปลอดภัยนั้นสิ่งที่จะต้องคำนึงถึงคือ ต้องมีคุณภาพ เเละมีมาตรฐานที่สากลยอมรับ จึงจะได้รับความปลอดภัยในการทำงานสูงสุด

อุปกรณ์ความปลอดภัยทีใช้ในการทำงานทั่วไปจะมีดังนี้

1.อุปกรณ์ป้องกันศรีษะ  หรือที่เรียกกันทั่วไปว่าหมวกนิรภัย



2.อุปกรณ์ป้องกันใบหน้าเเละดวงตา  เช่น แว่นตาเซฟตี้ หน้ากากกันสะเก็ด หน้ากากเชื่อม เป็นต้น





3.อุปกรณ์ป้องกันเสียง  เช่น โฟมอุดหู ที่ครอบหูลดเสียง เป็นต้น



4.อุปกรณ์ป้องกันระบบทางเดินหายใจ




5.อุปกณ์ป้องกันมือ



6. อุปกรณ์ป้องกันเท้า




7. อุปกรณ์ป้องกันร่างกาย




8.อุปรณ์ป้องกันตกจากที่สูง




- อุปกรณ์ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ล้วนแล้วแต่มีความสำคัญในการปฎิบัติงานช่างทั้งสิ้น การที่ผู้ปฎิบัติงานมีอุปกรณ์ในการป้องกันอุบัติเหตุที่ดีนั้น ย่อมสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้ร่วมงานและผู้ที่อยู่รอบข้างอีกด้วย แต่เหนือสิ่งอื่นใดผู้เขียนก็อยากให้ผู้ปฎิบัติงานทุกท่านทำงานอยู่ในความไม่ประมาท เพราะถึงแม้ว่าอุปกรณ์ในการป้องกันจะดีเพียงไร หากเราประมาทในการทำงานก็อาจก่อให้เกิดอันตรายกับตัวเองและคนรอบข้างก็เป็นได้.


ที่มาแหล่งข้อมูล : www.smr-marine.com

วิธีดูแลปั๊มลมให้ใช้งานได้นาน ๆ

ปั๊มลมหรือเครื่องอัดลม คือ อุปกรณ์บีบอัดอากาศจากบรรยากาศ เพื่อให้เกิดความดันสูงขึ้น และสามารถนำไปใช้ในรูปแบบหนึ่งของ ”พลังงาน” อากาศที่ถูกอัดสามารถนำไปใช้งานได้ดีเสมือนหนึ่งในสามทรัพยากรของโรงงาน การใช้งานลมได้รับความนิยมอย่างมากในลักษณะของการนำลมใช้เป็นตัวขับเครื่องจักรต่างๆ เช่น ใช้ในงานเป่า งานพ่นสีหรืองานอื่นๆ ซึ่งมีคุณสมบัติที่เหมาะสมและหลากหลายตามความต้องการ เเต่การที่เราจะนําปั๊มลมมาใช้งานให้เกิดประสิทธิภาพนั้นจะต้องมีการดูเเลรักษาอย่างสม่ำเสมอไม่ว่าจะเป็นปั๊มลมชนิดไหนก็ตาม จะมีวิธีการดูเเลรักษาคล้าย ๆ กัน คือ





1.น้ำมันเครื่อง  ต้องทำการเปลี่ยนถ่ายอย่างสมํ่าเสอ โดยสังเกตุจากช่องดูน้ำมันเครื่องด้านล่างของลูกสูบ น้ำมันต้องอยู่ระดับกลางช่อง จะต้องไม่มากเกินไปและไม่น้อยเกินไป เปลี่ยนถ่ายทุก 6 เดือน หรือทุก 1,000 ชั่วโมงใช้ น้ำมันเครื่องเบอร์ SAE 40


ตัวอย่าง น้ำมันเครื่องสำหรับป๊มลม

2.สายพาน  สายพานไม่ตึงหรือหย่อนจนเกินไป ต้องมีความการยืดหยุ่น ประมาณ1/2 นิ้ว ถ้าสังเกตุว่ามีการแตกร้าว ควรเปลี่ยนทันที

ตัวอย่างสายพานปั๊มลม

3.กรองอากาศ  ควรนำออกมาเป่าทำความสะอาดอย่างสมํ่าเสมอ ทุก 2 เดือน หรือเปลี่ยนทุกๆ 6 เดือน

4.มอเตอร์  อย่าให้มอเตอร์โดนน้ำและความชื้น เช็ดทำความสะอาดไม่ให้มีเศษฝุ่นผงเกาะจนหนาเกินไปเพราะจะส่งผลต่อการระบายความร้อนในตัวมอเตอร์ ส่วนจุดต่อสายไฟต่างๆต้องตรวจดูว่ายึดติดแน่นหรือไม่ เพื่อไม่ให้เกิดการ spark ในระหว่างที่มอเตอร์ทำงาน

5.ถังเก็บลม  ถังเก็บลม ควรถ่ายน้ำที่ขังอยู่ภายในถังออกทุกๆวัน เพื่อป้องกันไม่ให้มีละอองน้ำออกมาในขณะใช้ลมและป้องกันสนิมที่จะเกิดขึ้นภายในถังลม และควรวางปั๊มลมให้ห่างจากกำแพงประมาณ 30 ซ.ม.เพื่อการระบายความร้อนที่ดี

- หากผู้อ่านสามารถทำตามขั้นตอนง่าย ๆ ดังที่ผมได้แนะนำในบทความนี้ได้แล้วนั้น ก็จะเป็นการยืดอายุการใช้งานของปั๊มลมทีเราใช้งานอยู่ทุก ๆ วันก็เป็นได้ และ ยังช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและลดต้นทุนในการปฎิบัติงานได้อีกด้วย


ที่มาแหล่งข้อมูล : www.smr-marine.com

แนะนำ 10 สุดยอดสว่านไฟฟ้า (ตอน1)

สว่านไฟฟ้า เป็นเครื่องมือเครื่องใช้ที่ทุกคนต้องมีติดบ้านอย่างเเน่นอนไม่ใช่เฉพาะช่างวันนี้ ผมจึงนำเสนอเครื่องมือที่สำคัญอย่างสว่านมาทำ review อันนี้ต้องบอกไว้ก่อนนะครับว่าผมไม่ได้ทำรีวิว เองนะครับ ข้อมูลทั้งหมดผมได้นำมาจากเวปไซต์ pikimal ซึ่งเค้าให้คะเเนนสว่านไฟฟ้าได้อย่างน่าสนใจ หากใครสนใจตามเข้าไปดูได้ครับ

เริ่มจากอันดับ 10 ก่อนเลยนะครับ

อันดับ 10  สว่านไร้สายประสิทธิสูง Milwaukee M18 1/2 In. 18-Volt




  • pikimal ได้ให้เหตุผลในการรีวิวว่า จากการทำสำรวจ user พบว่าผู้ใช้ส่วนมากเลือกสว่านตัวนี้เพราะว่ามีราคาไม่เเพงเมื่อเทียบกับประสิทธิภาพสินค้า กำลังของสว่าน 18 โวลล์เมื่อเทียบประสิทธิภาพกับราคาถือว่าถูกมากๆ โดยความเร็วรอบเฉลี่ยสูงถึง 1800 rpm ชาร์จ 60 นาทีเเบตเตอรี่ก็เต็มเปี่ยม ยังไม่พอ ใส่ดอกเบบ 2.5 นิ้วจนถึง 7 นิ้ว หนัก 5.30 ปอนด์ นับว่าคุณภาพเมื่อเทียบกับราคาระดับนี้หาตัวจับได้ยาก

อันดับ 9  สว่านตัด Milwaukee Reconditioned 120-Volt shear 




  • คนไทยอาจไม่ค่อยคุ้นกับเครื่องมือชนิดนี้เท่าไหร่เอาเป็นว่ามันทำงานคล้ายๆกรรไกรสามารถตัดเเผ่นเหล็นบางๆได้อย่างง่ายดาย เป็นเครื่องมือตัดด้วยระบบ 3 ใบมีดที่มีความคมสูงสุด ตัดได้ 15 ฟุตต่อนาที เเถมมีราคาไม่เเพงกำลังตัดสามารถตัดวัสดุได้หลากหลาย การดีไซต์เครื่องมือเเทบไม่รู้สึกถึงเเรงกระเเทกเลยนับว่าออกเเบบมาได้ดีมากเลยทีเดียว ผมคิดว่าหากใครทำงานอุตสากรรมเหล็กเเผ่นเหล็กเครื่องมือนี้น่าสนใจไม่น้อย

อันดับ 8  สว่านไร้สาย Milwaukee M12 3/8 In. 12-Volt Cordless Drill-Driver




  • เป็นสว่านที่น่าสนใจอีกตัวหนึ่งเลยทีเดียวครับเนื่องจากทำได้ดีทั้งงานเจาะเเละงานขันน๊อต ดีไซต์นั้นทำออกมาได้กระทัดรัดเลยทีเดียว เเละจุดที่น่าสนใจอีกจุดของสว่านตัวนี้ก็คือสามารถชาร์จเเบตเต็มได้ในเวลาเเค่ 30 นาที เเต่มีกำลัง 12 โวล์เท่าสว่านรุ่นใหญ่ๆ ความเร็วรอบ 1500 rpm เเถมมีเกียร์เร่งความเร็วได้ 2 ระดับ มีที่วัดระดับมิเตอร์อยู่ข้างตัวทำได้สมบูรณ์เเบบ จุดด้อยของสว่านตัวนี้ก็คือนี้น้ำหนักมาก เเละก็ตัวเครื่องทำงานเสียงดัง เเต่หากใครต้องการความกะทักรัด บวกกับความเเรงเเบบนี้ก็เเนะนำตัวนี้เลยครับ

อันดับ 7 สว่านโรตารี่ไร้สาย Ryobi P230 18-Volt 1/4-Inch Impact Driver




  • หากใครต้องการสว่านเเรงๆราคาถูกผมเเนะนำตัวนี้จริงๆราคาไม่ถึง 90 เหรียญ เเต่รับลองว่าคุ้มคาทุกเม็ดเงินเเน่นอน No load speed:0-2400 r/min | Blow Per Minutes: 3500 BPM นับว่าน่าสนใจมาก หากเทียบกับราคา ปรับความเร็วได้สามระดับ ข้อดี มากๆเลยของรุ่นนี้ก็คือการใช้งานของเเบตเตอรี่นั้นใช้งานได้นานมากหากเปรียบเทียบกับกำลังเครื่องมือเเต่ข้อเสีย ก็คือเครื่องมือมีเสียงดังมากอาจต้องใช้เครื่องป้องกันเสียงการทำงาน ไม่มีที่ด้ามจับสำหรับให้จับสองมืออาจทำให้จับเครื่องมือได้ไม่ถนัดเท่าที่ควร

อันดับ 6 สว่านไขควง Hilti SD 4500 Drywall Screwdriver




  • ความเจ๋งของความตัวนี้คือสว่านที่ขันน๊อตโดยไม่ต้องเจาะนำร่อง ด้วยกำลังการหมุนมหาศาลสามารถขันน๊อตเข้าเนื้อวัสดุโดยทันที ภายในเวลาไม่ถึง 2 วินาที สำหรับบ้านเราคงยังไม่ค่อยคุ้นกับเครื่องมือประเภทนี้ สว่านนี้เรียกได้ว่าเป็นสว่านเด็กเเนวเลยทีเดียว ใช้เเทนเครื่องมืออย่างเช่นปืนลม เเทนปั้มลมได้สบาย เเต่ก็ยัวเจาะวัสดุที่เเข็งมากๆอย่างเหล็กไม่ได้งานนี้ต้องไม้เท่านั้นครับ 120 VOLTS, 740 WATTS, SPEED CONTROL SWITCH, MAX TORQUE 84, N0-LOAD SPEED 4500, AND 11.4 INCH LENGTH


ที่มาแหล่งข้อมูล : www.smr-marine.com

การดูแลรักษามอเตอร์

มอเตอร์ คือ เครื่องใช้ไฟฟ้าที่เปลี่ยนพลังงานไฟฟ้าเป็นพลังงานกล ซึ่งในตัวมอเตอร์จะประกอบด้วยขดลวดที่พันรอบเเกนโลหะที่วางอยู่ระหว่างขั้วเเม่เหล็ก เมือ่ผ่านกระเเสไฟฟ้าเข้าไปยังขดลวดที่อยู่ระหว่างขั้วเเม่เหล็ก จะทำให้ขดลวดหมุนไปรอบเเกน เเละเมื่อสลับขั้วไฟฟ้า การหมุนของขดลวดจะหมุนกลับทางเดิม ซึ่งมอเตอร์หลัก ๆ ทั่วไปจะมี อยู่ 2 ประเภท คือ
  1. มอเตอร์กระแสตรง ( Dc Motor)
  2. มอเตอร์กระแสสลับ ( Ac Motor)




การใช้งานมอเตอร์ให้สามารถใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพเเละการดูเเลรักษาให้ใช้งานได้นานๆนั้นทำได้ไม่ยากหลักการทั่วไปก็จะมีดังนี้

1.เลือกใช้มอเตอร์ที่มีขนาดเหมาะสมกับโหลด เช่น การใช้งานมอเตอร์ที่มีขนาดน้อยกว่าโหลดจะทำให้มอเตอร์ทำงานหนักเกินไปเเละก่อให้เกิดความเสียหายได้

2.ตรวจสอบเเรงดันไฟฟ้าที่ใช้จ่ายให้กับมอเตอร์ ถ้ามอเตอร์ทำงานต่างไปจากพิกัดบนป้ายบอกรายละเอียด (ติดอยู่บนตัวมอเตอร์) จะทำให้ประสิทธิภาพการทำงานของมอเตอร์ผิดไป เเละอายุการทำงานของมอเตอร์ลดลงไปด้วย

3.ห้ามใช้มอเตอร์กระเเสสลับ (AC Motor) ช่วงที่ไฟตก หรือเเรงดันไฟฟ้าไม่ถึง 220v เนื่องจากมอเตอร์จะไม่หมุนเเละทำให้กระเเสไฟฟ้าดันกลับ จะทำให้ขดลวดร้อนจัดจนเกิดไหม้เสียหายได้

4.หลีกเลี่ยงการเดินมอเตอร์ตัวเปล่า (ไม่มีโหลดในการทำงาน) เพราะกำลังมอเตอร์จะเปลี่ยนเป็นกำลังงานสูญเสียทั้งหมด ทำให้อายุการช้งานของมอเตอร์ลดลงด้วย

5.หมั่นตรวจสอบระบบทางกลของมอเตอร์เป็นประจำ เช่น การหยอดนํ้ามันหล่อลื่น การอัดจารบี เพื่อลดการสึกหรอเนื่องจากเเรงเสียดทานหรือการฝืด เเละลดพลังงานสูญเสียของเครื่อง ยืดอายุการใช้งานของมอเตอร์ให้าวนานขึ้น

6.มั่นตรวจสอบความสะอาดของมอเตอร์อยู่เสมอ เนื่องจากฝุ่นละอองที่เกาะติดอยู่ทำให้การระบายความร้อนของมอเตอร์ทำได้ไม่ดี มอเตอร์จะมีอุณหภูมิสูงขึ้นซึ่งจะทำให้เกิดกำลังงานสูญเสียของมอเตอร์เพิ่มขึ้น เนื่องจากความต้านทานของขดลวดเพิ่มขึ้น



ที่มาแหล่งข้อมูล : www.smr-marine.com

วันเสาร์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2556

แนะนำ 10 สุดยอดสว่านไฟฟ้า (ตอน2)

สืบเนื่องจากบทความเรื่อง 10 สุดยอดสว่านไฟฟ้าตอนที่แล้วนะครับ ยังเหลือสว่านไฟฟ้าอีก 5 ชนิดนะครับที่ผมยังค้างทุกท่านไว้อยู่ วันนี้ผมจะมาแนะนำสุดยอดสว่านไฟฟ้าอีก 5 ชนิดที่เหลือกันเลยนะครับ

อันดับที่ 5  สว่านไฟฟ้า DEWALT รุ่น DWD010




  • ตัวนี้เเรงราคาเกินห้ามใจเลยทีเดียวเป็นสว่าน รุ่นเล็กเเต่ใจใหญ่ครับ ความเร็วรอบ 3600 รอบต่อนาที สำหรับราคานี่เปรียบเทียบกับรุ่นอื่นนี่ไม่เเพงเลยครับ หนักประมาณ 1 กิโล สามารถใช้ได้ในงานเจาะปูนเเละไม้ สว่านตัวนี้จะไม่โดดเด่นด้านใดด้านหนึ่ง เป็นสว่านรุ่นกลางเเต่ราคาเทียบเท่ากับรุ่นเล็ก ราคาน่าสนใจมากครับ

อันดับที่ 4  สว่านโรตารี่ BLACK & DECKER รุ่น KTD 222




  • เป็นสว่านโรตารี่รุ่นประหยัดราคา 4000 ต้นพอให้ช่างใหญ่ช่างน้อยได้พอจับจ่ายใช้สอยได้ กำลังรอบ 1550 รอบต่อนาที กำลังกระเเทก 5800 ครั้งต่อนาที จุดที่น่าสนใจของสว่านรุ่นนี้ก็คือน้ำหนักของมันไม่หนักมาเมื่อรองเปรียบเทียบกับสว่านชนิดอื่นๆ พูดได้ว่าสว่านตัวนี้มีความโดดเด่นด้านการกระเเทก หากช่างน้อยช่างใหญ่ได้ใช้งานในราคเบานี้รับรองว่าปลื้มเเน่นอน

อันดับที่ 3 สว่านไขควงไร้สาย BOSCH รุ่น GSR 7.2-2




  • ตัวนี้ต้องบอกว่าเมื่อปี 2011 เปิดตัวได้อย่างยอดเยี่ยมมาถึงปีนี้เรายัวไม่สามารถหาใครมาสู้ได้ทั้งในด้านราคาเเละคุณภาพต้องขอบอกว่าสว่านไขควงตัวนี้ทำให้งานขันน๊อตของคุณง่ายซะยิ่งกว่าง่ายด้วยระบบไร้สาย เเบตตารี่ 7.2 โวล ราคา 3500 บาท ถือว่าคุ้มสุดๆ ค่อนข้างเสถียร กำลังการขันนี่ถือว่าปานกลางเป็นสุดยอดสว่านไขควงที่น่าจับตามองอีกตัวหนึ่ง


อันดับที่ 2 สว่านไขควงไร้สาย(กระแทก) BOSCH รุ่น GDR 10.8 LI




  • ไม่ต้องบอกอะไรอีกเเล้วสำหรับสว่านตัวนี้ ครบเครื่องด้านขนาดความกระทัดรัดเเละ เเถมสามารถปรับโหมดสว่านกระเเทกได้อีกเรียกว่าสวดยอดมากๆ ตอนเเรกที่ผมได้สว่านตัวนี้มาต้องบอกว่าตะลึงกับความสามารถที่หลากหลายของมันเลยครับเรื่องระบบเช็คเเบตเตอรี่ไม่ต้องพูดถึงทำได้สมบูรณ์เเบบ ข้อเสียของมันมีินิดหน่อยเรื่องเเรงกระเเทก เเต่ไม่ถึงกับมากอะไรเปิดตัวด้วยราคาไม่เเรงเท่าไหร่ครับ 7000 กว่าบาทเท่านั้น ถือได้ว่าไม่ธรรมดาเเล้วครับเเบบนี้

อันดับ 1 สว่านไขควงไร้สาย MAKITA รุ่น 6281DWE




  • คุ้มค่าทั้งราคาเเละผลงานคงไม่ต้องพูดอะไรกันมาก เป็น ดาวตั้งเเต่ปีที่เเล้วเเถมราคาถูกเเบตเตอรี่อยู่ได้นาน เเละอึดเป็นจุดเด่นของสว่านรุ่นนี้ทำงานได้อย่างไร้ที่ติดเลยทีเดียวบวกกับราคาเบาเบาของสว่านตัวนี้ มีระบบเกียร์ปรับความเร็วได้ 2 สปีดเรียกได้ว่าเป็นสว่านที่สุดยอดมาก เจาะได้ทั้งไม้เเละเหล็ก ไม่ต้องรีรออะไรอีกเเล้วครับสำหรับสว่านไร้สายตัวนี้


ที่มาแหล่งข้อมูล : www.smr-marine.com

หลักการตรวจสอบและซ่อมแซมเครื่องมือไฟฟ้า

การซ่อมแซม เครื่องมือไฟฟ้าเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ในกรณีที่มีเครื่องมือไฟฟ้าเสียหายหรือชำรุดเรื่องสำคัญ ถ้าหากเราเป็นผู้ใช้ทั่วไป แต่ถ้าหากเรารู้จักตรวจสอบตรวจเช็คอาการง่ายๆของเครื่องมือไฟฟ้าได้ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี ผู้ใช้ทั่วไปส่วนใหญ่มักไม่มีความรู้เรื่องเครื่องยนตร์กลไก เครื่องมือไฟฟ้าของใช้ในบ้านเหล่านี้เมื่อใช้ไประยะหนึ่ง อาจเกิดการชำรุดเสียหาย ถ้าเรารู้จักซ่อมแซมจะทำให้สามารถนำกลับมาใช้ได้อีกและประหยัดค่าใช้เครื่องมือจ่ายในการซื้อใหม่ อุปกรณ์เหล่านี้มีหลักการซ่อมแซมง่ายๆไม่ยากมากนักสำหรับการตรวจสอบเบื้องต้น

หลักการซ่อมแซมเครื่องมือไฟฟ้า

  1. ซ่อมแซมทันที่ที่พบร่องรอยการชำรุด ไม่ปล่อยทิ้งไว้จนซ่อมแซมไม่ได้ เพราะการปล่อยให้เครื่องมือที่เสียหายแล้วหากฝืนใช้อาจทำให้เครื่องมือเหล่านั้นเสียหายมากขึ้น
  2. สำรวจชนิดของวัสดุที่ใช้ทำอุปกรณ์ของใช้และลักษณะการชำรุดของอุปกรณ์ของเครื่องมือ ถ้าหากท่านมีความรู้เรื่องอะไหล่ของมันก็สามารถซ่อมแซมหรือไปซื้อมาเปลี่ยนได้ง่าย
  3. ศึกษาวิธีการซ่อมแซมอุปกรณ์เครื่องมือแต่ล่ะประเภทซึ่งท่านสามารถหาอ่านได้ตามเวปไซต์ของเครื่องมือนั้นได้จากเวปไซต์ จะมีแบบแปลนเครื่องมือที่ท่านสามารถเข้าไปศึกษาได้อย่างง่าย
  4. เตรียมเครื่องมือเครื่องช่างที่ใช้ให้เหมาะสมกับชนิดของวัสดุที่ชำรุด ทำให้ทำงานได้อย่างสะดวกและไม่ทำให้เครื่องมือเสียหาย
  5. ซ่อมแซมอุปกรณ์หรือเครื่องมือด้วยความประณีตด้วยความประณีต ระมัดระวัง เพื่อป้องกันอุปกรณ์ชำรุด ของการกระทบกระแทก
  6. ตรวจสอบการใช้งานอุปกรณ์ของใช้หลักซ่อมแซม ต้องทดสอบให้แน่ชัดว่าการซ่อมแซมนั้นไม่มีปัญหา


กระบวนการและขั้นตอนของการซ่อมแซมเครื่องมือไฟฟ้า มีดังนี้

  • ศึกษาวิธีการซ่อมแซมอุปกรณ์ดูได้จากเวปไซต์ซึ่งมักจะมีส่วนที่ไว้ support ช่าง
  • เตรียมเครื่องมือเครื่องช่างที่ใช้ให้เหมาะสมกับชนิดของวัสดุที่ชำรุด เตรียมอุปกรณ์สำหรับขันน๊อต บางยี่ห้อต้องมีอุปกรณ์ขันเฉพาะทางของตัวเอง
  • อุปกรณ์ของใช้ในบ้านเหล่านี้เมื่อใช้ไประยะหนึ่งอาจเกิดการชำรุดเสียหาย ถ้าเรารู้จักซ่อมแซมจะทำให้สามารถนำกลับมาใช้ได้อีกและประหยัดค่าใช้เครื่องมือจ่ายในการซื้อใหม่
  • ตรวจสอบการใช้งานอุปกรณ์ของใช้หลักซ่อมแซม


ประโยชน์ของการซ่อมแซมเครื่องมือไฟฟ้าเองที่บ้าน

  1. ช่วยประหยัดรายจ่าย และยังสามารถเก็บเงินไว้ใช้จ่ายในสิ่งจำเป็นด้านอื่น ๆ ได้ ทำให้ท่านไม่ต้องเสียเวลาแบ่งเครื่องมือหนักๆไปที่ศูนย์บริการซ่อมที่ไกลจากบ้านท่านหลายกิโล
  2. ช่วยยืดระยะเวลาการใช้งานของอุปกรณ์ของใช้ในบ้าน การซ่อมแซมส่วนที่ชำรุด และยังช่วยให้ใช้อุปกรณ์นั้น ๆ ต่อไปได้อีกนาน ซึ่งนับเป็นการใช้งานที่คุ้มค่า ทำให้ท่านไม่ต้องเสียเวลาไปซื้อเครื่องมือใหม่ที่ร้านในเวลางานที่เร่งด่วน
  3. ได้ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ เวลาที่เราเล่นหรือไปเที่ยวสนุกสนานเป็นเวลาที่สูญปล่าไม่ได้ประโยชน์อะไร แต่ถ้าเรานำเวลาที่มีอยู่มาวางแผนซ่อมแซมอุปกรณ์ของใช้ในบ้านจะเป็นการใช้เวลาที่เกิดประโยชน์มากกว่า และนอกจากนั้นยังได้ความรู้จากการซ่อมแซมเครื่องมือ ซึ่งเป็นทักษะที่ดีมีประโยชน์
  4. เกิดความภาคภูมิใจในการทำงาน การซ่อมแซมอุปกรณ์ของใช้ในบ้าน การดัดแปลงอุปกรณ์ของใช้ในบ้านด้วยตนเอง เมื่อทำได้สำเร็จย่อมทำให้เกิดความภาคภูมิใจ นอกจากนั้นยังอาจมีผู้อื่นชื่นชมผลงานของเราอีกด้วย ถ้าท่านซ่อมเก่งยังสามารถทำเป็นอาชีพแล้วก่อให้เกิดรายได้เพิ่มเติมได้ด้วย


ที่มาแหล่งข้อมูล : www.smr-marine.com

การดูแลรักษาสว่านไฟฟ้า

การดูเเลรักษาเครื่องมือ "เครื่องมือไฟฟ้า" เป็นสิ่งที่จำเป็น การดูเเลที่ดีจะช่วยรักษาเครื่องมือให้มีความคงทนถาวรเเละสามารถนำไปใช้ได้อย่างสะดวกในงานถัดๆไป การดูเเลเครื่องจักรเครื่องมือ หากคุณดูเเลเครื่องมืออย่างถูกวิธีจะเป็นการช่วยลดโอกาสความเสี่ยงของเครื่องมือ หรือ การเสียหายของตัวสว่านเเละดอกสว่าน อีกทั้งยังปลอดภัยต่อการทำงานช่างต่าง ๆ อีกด้วย

ผมมีข้อเสนอแนะในการดูแลเครื่องมือไฟฟ้าดังนี้ครับ

1.ทำความสะอาดทุกครั้งหลังจากใช้งานเสร็จช่วยลดความเสี่ยงจากการเสียหายจากอุปกรณ์ต่างๆได้ ทำความสะอาดในส่วนที่เป็นซอกอาจมีเศษผงจากการทำงานเข้ามาติดในกลไกได้อาจทำให้การติดตัดของมอเตอร์ได้ การตรวจเช็คเเละเช็ดด้วยผ้าง่ายๆก็สามารถช่วยลดโอกาสความเสียหายเหล่านี้ได้

2. ตรวจเช็คสายของสว่านไฟฟ้าดูว่ามีความปลอดภัยทั้งก่อนใช้งานเเละหลังจากใช้งาน สายไฟฟ้าที่มีลอยผลอกนั่นเเหละสัญญาณของอาการของความเสี่ยงที่จะมีไฟฟ้ารั่วไหลหากสายไฟไม่มีความสมบูรณ์ไม่ควรนำเครื่องมือนั้นมาใช้เพราะมีความอันตรายที่จะถูกกระเเสไฟฟ้าดูดได้

3.ผู้ใช้สว่านส่วนมากไม่ค่อยชอบนำดอกสว่านออกหลังจากใช้งานเสร็จ เเละเมื่อเริ่มใช้งานก็ไม่ได้ตรวจสอบดอกสว่านนั้นว่ามีความเเน่นเเค่ไหน การนำไปใช้ในลักษณะนั้นมีความเสี่ยงที่จะเกิดอันตรายได้ง่าย หากนำไปเจาะวัสดูที่เเข็งมากๆนั้นอันตรายถึงเลือดตกยางออกเลยทีเดียว

4.หลังใช้งานเสร็จควรถอดชิ้นส่วนต่างที่เป็นส่วนประกอบเเละเช็ดด้วยน้ำมันในส่วนที่เป็นเหล็กเพื่อป้องกันสนิม เช็ดด้ามจับให้เรียบร้อยดอกสว่านเช็ดเเละเก็บเข้าสู่กล่องของมันให้ถูกที่ เก็บสว่านเข้ากล่องไม่ควรเก็บไว้ในที่ชื้นควรเก็บไว้ในที่เเห้ง

5.หากท่านดูเเลสว่านได้ตาม 4 ข้อนี้รับรองได้ว่าสว่านของท่านจะอยู่ในสภาพพร้อมใช้งานในคราวต่อไปอย่างเเน่นอน


ที่มาแหล่งข้อมูล : www.smr-marine.com

เครื่องมือ 6 ชนิดสำหรับช่างไม้

เครื่องมือ สำหรับงานช่างถือเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับช่างทุกคนที่จะต้องมีไว้ติดตัวให้ครบครันไว้เสมอ การมีเครื่องมือที่พร้อมและมีประสิทธิภาพ ก็สามารถช่วยทำให้งานช่างต่าง ๆ นั้นสำเร็จลุล่วงตามเป้าหมายได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังช่วยประหยัดเวลาและแรงงานในการทำงานต่าง ๆ นั้นอีกด้วย วันนี้ผมขอนำเสนอบทความที่เกี่ยวกับเครื่องมือ 6 ชนิดที่สำคัญสำหรับงานช่างไม้กันนะครับ ไปดูกันครับว่าเครื่องมือเหล่านั้นมีอะไรกันบ้าง.

1. เลื่อยวงเดือน
1.1 เลื่อยวงเดือน


  • มีหลายคนคิดว่าเลื่อยวงสำคัญที่สุดในบรรดา เครื่องมือสำหรับช่างไม้ผมค่อนข้างไม่เห็นด้วยเท่าไหร่เเต่ก็ต้องยอมรับว่ากระบวนการในการทำงานไม้นั้ นการตัดไม้ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญเเทบไม่มีเครื่องมือชนิดใดที่ทำงานเเทนเลื่อยวงเดือนได้อย่างมีประสิทธิภาพเท่า หากคุณต้องการตัดชิ้นงานตามเเบบเลื่อยวงเดือนจะช่วยลดเวลาการทำงานได้อย่างมากไม่ว่าจะเป็นการตัดขนาดเล็กหรือขนาดสั้น หรือถ้าตัดไม้ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นมาอาจต้องใช้โต๊ะเลื่อยวงเดือนที่อาจจะเเพงขึ้นไปอีก เเต่ก็ทำให้ประสิทธิภาพการทำงานของคุณดีมากขึ้นอีกด้วย



2. สว่านไฟฟ้า

2.1 สว่านไฟฟ้า


  • สว่านไฟฟ้าเป็นอีกเครื่องมือหนึ่งที่เรียกว่าขาดไม่ได้เลยทีเดียวหากขาดสว่านไป คุณขาดใจดีกว่าสว่านในปัจจุบันมีทั้งเเบบชนิดไร้สาย เเละเเบบมีสายหากใครมีทุนทรัพย์หน่อยผมเเนะนำว่าซื้อเเบบไร้สายเลยดีกว่าเพราะว่าสะดวกมากกว่าเยอะมาก หลายคนคงกังวลเรื่องกำลังของเครื่องมือเเต่ผมขอบอกได้เลยว่าสว่านไร้สายเดี๋ยวนี้มีกำลังไม่ยิ่งหย่อนไปจากเเบบมีสายเลยทีเดียว งานเจาะนั้นมีความสำคัญมากในการยึด bolt ฉะนั้นถ้าคุณไม่มีสว่านไฟฟ้าคุณก็ต้องเตรียมกำลังของคุณเพิ่มขึ้นอีก 10 เท่า



3. เลื่อยจิ๊กซอว์

3.1 เลื่อยจิ๊กซอว์


  • หลังจากคุณตัดคุณเจาะ เเน่นอนคุณต้องฉลุลาย ลวดลายยิ่งมีความระเอียดความยากในการทำงานมากขึ้นเท่าไหร่ลายการฉลุยิ่งต้องใช้ความปราณึต งานตัดพื้นทีเเคบๆจำเป็นต้องใช้เลื่อย jigaw ทำทั้งสิ้น หลายคนคงคิดว่าไม่ต้องใช้ก็ได้ใช้เเค่เลื่อยวงเดือนก็เพี่ยงพอ หรือว่าใช้เลื่อยฉลุเเทนก็ได้ สมัยประถมผมเคยใช้เลื่อยฉลุทำไม้ปิงปอง รู้เลยว่ามันไม่ง่ายที่จะให้ใบเลื่อยฉลุไม่หัก หากใครพอมีทุนทรัพย์ก็ไม่น่าพลาดนะครับ เพราะราคาไม่ได้เเพงอย่างที่คิดเเถมยังช่วยประหยัดเวลาได้อีกด้วย



4. เครื่องขัดกระดาษทราย


4.1 เครื่องขัดกระดาษทราย


  • งานขัดกระดาษทรายเป็นงานเเสนน่าเบื่อสำหรับใครหลายคน ทั้งต้องทนกับฝุ่นผงที่เกิดจากไม้ยังต้อง เหนือยเมือยมือจะดีไหมหากมีเคื่องช่วยทุ่นเเรงอย่างเครื่องขัดกระดาษทราย เครื่องขัดกระดาษทรายนั้นมีหลายเเบบ เเบบที่ดีที่สุดน่าจะเป็นเเบบวงกลมเเต่มีราคาเเพงเช่นเดียวกันครับ เครื่องขัดกระดาษทรายจะมีถุงไว้เก็บฝุ่นขณะขัดช่วยให้หน้างานไม่เลอะเทอะ เครื่องขัดกระดาษทรายนั้นมีหลายระบบมีทั้งระบบสายพาน ระบบวง เเละระบบสั่น



5. แท่นตัดองศา

5.1 แท่นตัดองศา

  • เเท่นตัดองศาหลายคนบอกว่าไม่จำเป็นเเต่การตัดชิ้นงานที่ต้องการความละเอียดเข้าเหลี่ยมเข้ามุม ช่างหลายคนซื้อไปใช้เเล้วติดใจเลยครับเพราะทำงานง่ายขึ้นเยอะเเท่นตัดองศานั้น ใช้งานไม่ยาก ความจริงเเท่นตัดองศาก็เป็นการผสมผสานระว่างเลื่อยวงเดือนเเละตัดเเท่นจับทำให้สามารถตัดชิ้นงานได้ระเอียดเเละหลายรูปเเบบ ที่สำคัญการลบมุมหากใช้เเท่นตัดองศาจะทำได้อย่างเเม่นยำอย่างมาก 



6. เครื่องฉลุลายไม้ 


6.1 เครื่องฉลุลายไม้
  • เครื่องมือสุดท้ายที่ขอจะเเนะนำคือ ราวเตอร์ หลายคนคงไม่ค่อยคุ้นชือเท่าไหร่ ราวเตอร์นั้นมีสองเเบบคือเเบบเป็นเเท่นกับเเบบที่สามารถเคลือนย้ายได้ โดยส่วนตัวผมเเนะนำเเบบเคลื่อนย้ายได้มากกว่าเพราะทำงานได้หลายเเละสะดวกกว่าหน้าที่ของ เราเตอร์จะใช้ในงานเเกะงานกลึง หรือเจาะเป็นรวดลาย หรือทำบัว งานที่ต้อง detail ของเนื้องานที่สวยงามสามรถใช้ ราวเตอร์ได้

ผู้เขียนหวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยสำหรับช่างไม้หรือช่างทั่วไปนะครับ ผู้เขียนจะพยายามหาข้อมูลต่าง ๆ มาลงให้ได้มากที่สุด เพื่อใช้ข้อมูลเหล่านี้เป็นแนวทางในการประกอบอาชีพหรือศึกษาเพื่อหาความรู้นะครับ ติดตามได้ในบทความต่อไปนะครับ



ที่มาแหล่งข้อมูล : www.smr-marine.com

เครื่องมือประเภทประแจ


ประแจ (Wrench) เป็นเครื่องมือทางกลเพื่อทำให้เกิดแรงบิด (torque) เช่น ไว้ขันสกรู, น๊อต, ต่างๆ ประแจคุณภาพสูงจะผลิตจาก โครเมียม-วานาเดียม (chromium-wanadium) อัลลอย โดยมีคุณสมบัติด้านความแข็งแรง, ป้องกันการกัดกร่อน และทำความสะอาดง่าย

ประแจมีหลายแบบ เช่น
  • ประแจแหวน สามารถพบเห็นทั่วไปเป็นประแจพื้นฐานในงานช่าง มีทั้งแบบหัว 6-point และ 12-point ไว้สำหรับขันสกรู 6 เหลี่ยม

ประแจแหวน



  • ประแจปากตาย เป็นประแจที่มีปากรูปตัว U เปิดอยู่ปลายทั้ง สองข้างของประแจ โดยทั้งสองด้านจะมีขนาดที่แตกต่างกัน
ประแจปากตาย



  •  ประแจเลื่อน Adjustable wrench เป็นประแจพื้นฐานอีกประเภทหนึ่ง ที่สามารถปรับความกว้างของปากประแจได้ ทั่วไปปากจะมีมุม 15 องศา มีหลายขนาด เช่น 4” 6” 8” 10” 12” 15” 24” 30”

ประแจเลื่อน



  •  ประแจจับแป๊ป Pipe wrench หรือ monkey wrench เป็นประแจที่ปรับความกว้างของปากได้ คล้ายกับประแจเลื่อน ถูกออกแบบมาเพื่อขับท่อต่างๆ เช่น ท่อเหล็ก ท่อประปา หรือวัสดุกลมที่มีลักษณะเป็นเพลา มีขนาดปากตั้งแต่ 1” จนถึง 4”

ประแจจับแป๊ป



  • ประแจปอนด์ torque wrench เป็นประแจเพื่อขันสกรูหรืออื่นๆให้ถึงค่าที่กำหนด มีลักษณะเป็นเครื่องมือวัดผสมผสานกัน มีทั้งแบบ ดิจิตัล และแบบ click type ใช้ในงานอุตสาหกรรมหรืองานประกอบชิ้นส่วนที่ต้องการแรงบิดที่แม่นยำ

ประแจปอนดฺ์
 
   นอกจากนี้ยังมีประแจประเภทอื่นอีก เช่น ประแจหัวหกเหลี่ยม บล๊อคลม ประแจเปลี่ยนหัวเทียน ประแจเปลี่ยนกรองน้ำมัน ซึ่งเครื่องมือกลประเภทนี้จะขึ้นอยู่กับการใช้งาน ตั้งแต่รถจักรยาน มอเตอร์ไซด์ รถยนต์ หรือท่อประปา มากมายและมีให้เลือกหลายยี่ห้อตั้งแต่ยี่ห้อปานกลางเหมาะกับใช้งานประจำบ้าน เช่น Stanley, Klien หรือยี่ห้อสำหรับงานช่างเช่น Bahco, Unior, Facom, Snap-on และราคาก็จะแตกต่างกันด้วยเช่นกัน


 ที่มาแหล่งข้อมูล : www.smr-marine.com

เลื่อยตัดเหล็ก คืออะไร


1.1 เลื่อยตัดเหล็ก

เลื่อยตัดเหล็ก คือ เครื่องมือที่ใช้ในการตัดเหล็ก ใบเลื่อยมีลักษณะเป็นแถบยาว ปลายใบเลื่อยทั้ง ๒ ข้างติดกับปลายและโคนคันเลื่อย ทำด้วยเหล็กทั่วไป เลื่อยที่ผลิตจากเหล็ก HSS Steel ถือว่าเป็นเหล็กชนิดที่แข็งกว่าเหล็กธรรมดา และ Bi-metal steel เป็นเหล็กผสม 2 ชนิดคือ เหล็กสปริงและ HSS steel เพื่อให้เลื่อยมีความยืดหยุ่นมากขึ้น


2.1 Bi-metal saw

- Bi-metal saw เป็นเหล็กที่ผสมจาก spring steel และ HSS steel เพื่อให้เลื่อยมีความยืดหยุ่นมากขึ้น ความยืดหยุ่นของใบเลื่อยจะสูงมากแตกหักยาก เหมาะกับการใช้งานในที่แคบๆ หรือโค้ง เมื่อแตกหักจะแตกเป็น 2 ชิ้นเท่านั้น ไม่แตกกระจายแบบใบเลื่อยจาก HSS จึงทำให้ปลอดภัยสำหรับผู้ใช้งาน แต่มีราคาสูงกว่าใบเลื่อย HSS ทั่วไปอาจจะ 2-3 เท่าหรือประมาณ 35-70 บาทสำหรับเลื่อยมือ ยี่ห้อที่เป็นอันดับหนึ่งในประเทศไทยคือ Bahco Sanflex หรือใบเลื่อยปลาเบ็ดสีส้มจากประเทศสวีเดน มีทั้งแบบ 18, 24, 32 ฟัน


3.1 High Speed Steel Saw

HSS Saw หรือ High-Speed Steel Saw เป็นวัสดุที่ใช้ในการผลิตเครื่องมือต่างๆมากมาย เช่น งานกลึง และใบเลื่อย ข้อดีของ HSS Saw คือ อายุการใช้งานนาน ฟันแข็งแรง ใช้งานได้แพร่หลาย ราคาถูกประมาณ 20 – 40 บาท ยี่ห้อที่เป็นอันดับ 1 ของใบเลื่อยไฮสปีดคือ ใบเลื่อย Eclipse อยู่ในตลาดมานานกว่า 50 ปี หาซื้อง่าย ราคาไม่แพงคุณภาพดี eclipse มีผลิตสินค้ามากมายไม่ใช่เพียงแต่ใบเลื่อยเท่านั้น สามารถดูได้ตามร้าน hardware ทั่วไป


4.1 ฟันเลื่อยผลิตจากคาร์ไบด์

- Carbide Saw ฟันเลื่อยจะผลิตจากคาร์ไบด์ และส่วนอื่นอาจผลิตจาก Spring steel หรือ HSS Steel โดยจะไม่ใช่คาร์ไบด์ทั้งตัว เพราะคาร์ไบด์ราคาสูงจึงนำมาใช้ผลิตเฉพาะบริเวณฟันเลื่อยเท่านั้น ใช้งานกับเครื่องจักรเป็นส่วนใหญ่สามารถตัดเหล็กที่มีความแข็งสูงๆได้ และใช้ความเร็วในการทำงานสูงๆเท่านั้น ส่วนใหญ่พบได้ใน Carbide band saw หรือ เลื่อยเจาะรู (carbide hole saw) สำหรับงานเฉพาะทาง รูปด้านล่างเป็นเลื่อยเจาะรู Starrett


 ที่มาแหล่งข้อมูล : www.smr-marine.com

เครื่องมือประเภทไขควง (ตอน2)

 

การใช้ไขควงอย่างถูกวิธี


1. ไขควงปากจีบ (Cross-recessed head Screwdriver) ที่ปลายของไขควงปากจีบ จะผ่าหัวเป็นสี่แฉก เวลาบิดจะต้องใช้แรงกดที่ด้ามมากกว่าไขควงธรรมดา เพื่อไม่ให้เหลี่ยมของไขควงหลุดจากร่อง ไขควงชนิดนี้ซ่อมปลายไม่ได้ ถ้าปลายชำรุดต้องเลิกใช้ ไขควงชนิดนี้มีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าไขควงฟิลลิปส์ (Phillips Head Screwdriver)

2. ไขควงหัวคลัชท์ (CLUTCH-HEAD SCREWERIVER) ไขควงแบบนี้ใช้กับตะปูควงหรือสกรูสำหรับงานโลหะแผ่นและงานการตกแต่งซึ่งต้องการความประณีตสวยงามเป็นสิ่งสำคัญ ปลายของไขควงชนิดนี้แข็งแรงมากและสวมพอดีกับหัวสกรู ปลายของไขควงชนิดนี้แข็งแรงมากและสวมพอดีกับหัวสกรู การถอดสกรูตะปูควงแบบนี้ต้องใช้แรงบิดที่พอเหมาะ

3. ไขควงออฟเสท (OFFSET SCREWDRIVER) ไขควงออฟเสทใช้กับงานที่อยู่ในที่แคบๆ ยากที่จะใช้ไขควงธรรมดาเข้าไปขันได้ปลายของไขควงทั้งสองด้านจะอยู่ในแนวตั้งฉากซึ่งกันและกัน การออกแบบเช่นนี้จะช่วยให้ปากแต่ละด้านหมุนได้ด้านละครึ่งรอทำให้สามารถกลับปากไขควงขันได้ การใช้ไขควงออฟเสทจะต้องระมัดระวังมาก เพราะปากไขควงจะหลุดออกจากร่องสกรูได้ง่าย

4. ไขควงสตาร์ทติง (STARTING SCREWDRIVER) ไขควงชนิดนี้ใช้สำหรับเริ่มขันสกรูเข้าที่ ซึ่งตำแหน่งขันอยู่ในที่ซึ่งจะใช้มือสอดเข้าไปจับไม่ถึง ไขควงชนิดนี้จะมีที่สำหรับยึดสกรูไว้ เมื่อขิ้นสกรูเข้าที่แล้วจะต้องใช้ไขควงธรรมดาขันเข้าต่อไปจนแน่น


 ที่มาแหล่งข้อมูล : www.smr-marine.com

เครื่องมือประเภทไขควง (ตอน1)




เครื่องมือมิได้ทำให้เจ้าของเป็นช่าง แต่เครื่องมือช่วยบุคคลที่เป็นช่าง การเรียนรู้ถึงวิธีการใช้และการดูแลรักษาเครื่องมือช่างอย่างถูกต้อง จะทำให้บุคคลที่มีอาชีพช่างมีความก้าวหน้าในอาชีพมากกว่าช่างที่ใช้ และดูแลรักษาเครื่องมือไม่ถูกวิธี เพื่อที่จะใช้เครื่องมือให้ได้ประโยชน์มากที่สุด ควรคำนึงถึงกฎ 3 ประการ ดังนี้.-

1. เลือกใช้เครื่องมือที่มีคุณภาพ
2. เก็บรักษาเครื่องมือไว้ในที่ปลอดภัย
3. ใช้เครื่องมือให้ถูกับชนิดของงาน

วันนี้ผมจะมาแนะนำการใช้ไขควงอย่างถูกวิธีแบบคร่าว ๆ กันนะครับ

ไขควง (SCREWDRIVERS)

ไขควงที่ใช้ในงานช่างโดยทั่วไป แบ่งออกเป็นแบบต่าง ๆ ได้ 5 แบบ คือ.-
1. ไขควงธรรมดา หรือไขควงปากแบน COMMON SCREWDRIVER
2. ไขควงปากแฉกหรือไขควงฟิลิปส์ (cross-Reset Head Screwdriver)
3. ไขควงหัวคลัทช์ (Clutch - Head Screwdriver)
4. ไขควงออฟเสท (OFFSET SCREWDRIVER)
5. ไขควงสตาร์ทติง (STARTING SCREWDRIVER)
ไขควงชนิดแรกคือไขควงธรรมดาหรือไขควงปากแบน




ไขควงทุกแบบใช้สำหรับขันหรือคลายสกรู หรือตะปูควงชนิดต่าง ๆ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความต้องการของงานที่จะใช้

- อย่าใช้ไขควงทำหน้าที่เป็นสกัด เหล็กส่งหรือเหล็กงัด ถ้ามีความจำเป็นที่จะต้องเคาะที่ด้ามไขควง ให้ใช้ไขควงที่ออกแบบมาให้มีการเคาะที่ด้าม

- อย่าใช้คีมหรือประแจจับแกนไขควง ( SHANK) แบบธรรมดาเพื่อเปิดสกรู ถ้าจำเป็นใช้ให้ใช้ไขควงแบบงานหนัก (HEAVY DUTY) ซึ่งมีสี่เหลี่ยมที่ดคนสำหรับจัดบิด

- อย่าใช้ไขควงในการตรวจสอบวงจรไฟฟ้าซึ่งมีกระแสไฟสูง อย่าใช้มือหนึ่งจับงานและอีกมือหนึ่งจับไขควง เพราะเมื่อปลายไขควงพลาดจากร่องของหัวสกรู หรือตะปูควง ปลายไขควงจะแทงมือทำให้บาดเจ็บได้

- กฎของความปลอดภัยในการใช้ไขควงก็คือ อย่าให้ปลายไขควงชึ้ตรงมาที่ร่างกายใส่วนใดส่วนหนึ่งปลายของควงจะต้องมีขนาดพอเหมาะกับร่องของหัวสกรูหรือตะปูควง ถ้าปลายไขควงบางเกินไปเวลาบิดปลายไขควงจะหลุดขึ้น ตัวไขควงต้องอยู่ในแนวเดียวกันกับหัวสกรู หรือตะปูควงในเวลาบิด

ทั้งนี้ยังมีไขควงอีกหลายรูปแบบที่จะมาแนะนำซึ่งจะนำมาลงในบทความหน้าต่อไป 


 ที่มาแหล่งข้อมูล : www.smr-marine.com

วันอังคารที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2556

เครื่องมือประเภทคีม

คีม (Pliers) ใช้สำหรับการจับชิ้นงานเพื่อทำงานใดๆ คือใช้ในงานตัดวัตถุที่ไม่แข็งแรงมากนัก เช่น สายไฟฟ้า ลวด หรือสลักล้อคขนาดเล็ก คีมมีรูปร่างและขนาดต่างๆ กัน ตามลักษณะการใช้งาน คีมบางตัวออกแบบมาเพื่อใช้งานหลายหน้าที่ เช่นทั้งในการจับงานและตัดชิ้นงาน คีมบางแบบ มีข้อต่อเลื่อนที่สามารถปรับขนาดความกว้างของปากในการจับชิ้นงานได้การแบ่งประเภทของคีม และเรียกชื่อ จะเป็นไปตามลักษณะ การใช้งาน ซึ่งมีหลายรูปแบบด้วยกัน ดังนี้

1. คีมปากขยาย
  • ปากคีมมีลักษณะโค้งมนและสามารถขยายออก ลด ให้แคบลงได้
  • เหมาะกับการใช้งานที่เกี่ยวกับเครื่องกลและงานเครื่องยนต์ประเภทต่าง ๆ 
  • ปกติคีมจะชุบแข็ง ไม่ควรจับชิ้นงานที่ร้อน นอกจากคีมงานเชื่อม ไม่ควรใช้แทนประแจ อย่าใช้คีมตัดลวดเหล็กสปริง ห้ามใช้ขันขั้วไฟแรงสูง ห้ามใช้ค้อนช่วยตีถ้าต้องการตัดลวดหลังใช้งานเช็ดทำความสะอาด หยอดน้ำมันจุดข้อต่อ



    2. คีมตัดข้าง (คีมปากจิ้งจก)
    • ปากคีมมีคมไว้สำหรับตัดด้านข้าง และ สามารถใช้จับชิ้นงานได้
    • เหมาะกับการใช้งานตัด และ จับชิ้นงาน
    • ปกติคีมจะชุบแข็ง ไม่ควรจับชิ้นงานที่ร้อน นอกจากคีมงานเชื่อม ไม่ควรใช้แทนประแจ อย่าใช้คีมตัดลวดเหล็กสปริง ห้ามใช้ขันขั้วไฟแรงสูง ห้ามใช้ค้อนช่วยตีถ้าต้องการตัดลวดหลังใช้งานเช็ดทำความสะอาด หยอดน้ำมันจุดข้อต่อ



    3. คีมปากแหลม
    • ปากคีมมีลักษณะเรียวแหลม และ มีขนาดเล็ก
    • เหมาะกับการใช้งานในทีแคบ และ งานไฟฟ้า
    • ปกติคีมจะชุบแข็ง ไม่ควรจับชิ้นงานที่ร้อน นอกจากคีมงานเชื่อม ไม่ควรใช้แทนประแจ อย่าใช้คีมตัดลวดเหล็กสปริง ห้ามใช้ขันขั้วไฟแรงสูง ห้ามใช้ค้อนช่วยตีถ้าต้องการตัดลวดหลังใช้งานเช็ดทำความสะอาด หยอดน้ำมันจุดข้อต่อ



    4. คีมตัด
    • ปากด้านข้างมีลักษณะเป็นคมตัดและชุบแข็ง
    • ใช้สำหรับตัดปิ๊นล็อค ลวดสายไฟ และ ใช้ปอกสายไฟแบบบาง
    • ปกติคีมจะชุบแข็ง ไม่ควรจับชิ้นงานที่ร้อน นอกจากคีมงานเชื่อม ไม่ควรใช้แทนประแจ อย่าใช้คีมตัดลวดเหล็กสปริง ห้ามใช้ขันขั้วไฟแรงสูง ห้ามใช้ค้อนช่วยตีถ้าต้องการตัดลวดหลังใช้งานเช็ดทำความสะอาด หยอดน้ำมันจุดข้อต่อ



    5. คีมล็อค
    • ออกแบบเป็นพิเศษ ใช้งานเฉพาะ ปลายด้ามมีสกรูปรับ มีแบบธรรมดา แบบปากแหลม แบบใช้งานเชื่อม แบบชนิดแคลมป์
    • ใช้สำหรับจับหรือบีบชิ้นงานที่แน่นมาก,บีบท่อน้ำยาแอร์
    • ปกติคีมจะชุบแข็ง ไม่ควรจับชิ้นงานที่ร้อน นอกจากคีมงานเชื่อม ไม่ควรใช้แทนประแจ อย่าใช้คีมตัดลวดเหล็กสปริง ห้ามใช้ขันขั้วไฟแรงสูง ห้ามใช้ค้อนช่วยตีถ้าต้องการตัดลวดหลังใช้งานเช็ดทำความสะอาด หยอดน้ำมันจุดข้อต่อ



    6. คีมถอดแหวนล็อค
    • ตรงปลายคีมจะมีปลายแหลมคล้ายกับปากกาลูกลื่น สามารถใช้บีบหรือถ่างแหวนได้
    • ใช้ถอดแหวนล็อกลูกสูบ หรือแหวนล็อกเพลา
    • ปกติคีมจะชุบแข็ง ไม่ควรจับชิ้นงานที่ร้อน นอกจากคีมงานเชื่อม ไม่ควรใช้แทนประแจ อย่าใช้คีมตัดลวดเหล็กสปริง ห้ามใช้ขันขั้วไฟแรงสูง ห้ามใช้ค้อนช่วยตีถ้าต้องการตัดลวดหลังใช้งานเช็ดทำความสะอาด หยอดน้ำมันจุดข้อต่อ


     ที่มาแหล่งข้อมูล : www.smr-marine.com