วันอาทิตย์ที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2556

เครื่องขัดกระดาษทราย

เครื่องขัดกระดาษทราย เป็นเครื่องมือที่มีมอเตอร์ไฟฟ้า และกระดาษทรายแบบต่อเนื่องอยู่ด้านล่าง ทำงานโดยมีลูกกลิ้งสำหรับให้เลื่อนไปได้ทั้งหน้าและหลัง มีถุงสำหรับเก็บฝุ่นติดอยู่ที่ตัวเครื่อง เมื่อเปิดสวิตช์ให้ระบบทำงาน เครื่องจะทำการดึงกระดาษทรายผ่านลงมาในส่วนของตัวลูกกลิ้ง สามารถใช้ขัดพื้น ขัดผิวไม้ที่ขรุขระให้เรียบ บันได ขัดเพื่อการตกแต่ง และเพื่อให้ผิวไม้เรียบก่อนทำผิวให้สวยงาม ใช้ในการขัดมุม แต่งรูปชิ้นงานไม้ ลองสีเดิมออก หรือขัดรอยเชื่อม รอยต่อของไฟเบอร์กลาสสำหรับงานยนต์ได้อีกด้วย ซื่งเครื่องมือชนิดนี้สามารถแบ่งออกได้เป็น 4 แบบคือ


ภาพประกอบ เครื่องขัดกระดาษทราย

1. เครื่องขัดแบบสายพาน ใช้ขัดผิวงานที่หยาบ เพื่อปรับระดับผิวงานให้เรียบตามต้องการ และเหมาะสำหรับขัดพื้นผิวที่มีขนาดกว้าง ซึ่งสามารถใช้ได้ทั้งงานไม้และงานโลหะ

2. เครื่องขัดแบบสั่น เหมาะสำหรับขัดในพื้นที่แคบๆ ที่ไม่สามารถเลื่อนตัวเครื่องได้มาก ใช้ในการจัดตกแต่งผิวให้เรียบเนียน

3. เครื่องขัดแบบกลม มีลักษณะคล้ายกับเครื่องเจียร น้ำหนักเบา และมีหน้าสัมผัสที่แบนเรียบ กลมขนาดประมาณ 6 นิ้ว ใช้ในผิวงานที่มีส่วนโค้งมุม หรือชิ้นงานที่ใหญ่จนไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้

4. เครื่องขัดแบบแท่นผสม จะรวมเอาการทำงานของเครื่องขัดแบบต่างๆ ไว้ในเครื่องตัวเดียวกัน เพื่อง่ายต่อการทำงานในแบบต่าง ๆ มีขนาดใหญ่และมีน้ำหนักมาก ไม่สามารถเคลื่อนที่ได้อย่างสะดวก ควรติดตั้งไว้เฉพาะที่

- การเลือกใช้กระดาษทรายนั้น ควรเลือกใช้ให้เหมาะสมกับงาน โดยเลือกใช้เบอร์ 36 หรือ 40 สำหรับการขัดที่หยาบหรือลอกสี และเลือกใช้เบอร์ 150 สำหรับการขัดผิวสุดท้าย ก่อนทาน้ำมันชักเงาควรจับเครื่องด้วยมือทั้งสองข้างให้แน่น และเปิดเครื่องมือดังกล่าว เมื่ออยู่ห่างจากพื้นเสมอในขณะปฎิบัติงาน ให้ใช้น้ำหนักของตัวเครื่องเอง ขัดพื้นผิวให้ทั่วถึง ระวังอย่าให้เครื่องพลิกตะแคงเพราะอาจจะทำให้เกิดร่อง และอย่าขัดจุดใดจุดหนึ่งนานเกินไป เพราะจะทำให้เกิดเป็นหลุมตื้นๆ ได้ หากการขัดสีเดิมออกจากผิวทำให้กระดาษทรายหมดคมเร็ว ให้ปิดเครื่องและใช้แปรงลวดแข็ง ๆ ปัดฝุ่นออก.


ที่มาแหล่งข้อมูล : www.smr-marine.com

อุปกรณ์ความปลอดภัยในการทำงาน

ในการทำงานของเรานั้น สิ่งที่ต้องคำนึงถึงเป็นอันดับเเรก คือ "ความปลอดภัย"  เพราะหากเราทำงานด้วยความไม่ปลอดภัย ก็ย่อมก่อให้เกิดความเสียหายหลาย ๆ ด้าน ทั้งเครื่องไม้เครื่องมือ อุปกรณ์ เเละที่หนักสุดคือ อันตรายต่อชีวิตของเรา เเต่ในปัจจุบันก็ได้มีการผลิตอุปกรณ์ความปลอดภัยให้กับผู้ปฎิบัติงานทั้งที่เป็นมืออาชีพ เเละ มือใหม่ ให้ได้ใช้กันอย่างเเพร่หลาย ซึ่งมี่หลากหลายรูปแบบเพื่อให้เหมาะสมกับการใช้งาน เเละมีความสวยงาม น่าใช้งาน เเละที่สำคัญการเลือกซื้อเลือกใช้งานอุปกณ์ความปลอดภัยนั้นสิ่งที่จะต้องคำนึงถึงคือ ต้องมีคุณภาพ เเละมีมาตรฐานที่สากลยอมรับ จึงจะได้รับความปลอดภัยในการทำงานสูงสุด

อุปกรณ์ความปลอดภัยทีใช้ในการทำงานทั่วไปจะมีดังนี้

1.อุปกรณ์ป้องกันศรีษะ  หรือที่เรียกกันทั่วไปว่าหมวกนิรภัย



2.อุปกรณ์ป้องกันใบหน้าเเละดวงตา  เช่น แว่นตาเซฟตี้ หน้ากากกันสะเก็ด หน้ากากเชื่อม เป็นต้น





3.อุปกรณ์ป้องกันเสียง  เช่น โฟมอุดหู ที่ครอบหูลดเสียง เป็นต้น



4.อุปกรณ์ป้องกันระบบทางเดินหายใจ




5.อุปกณ์ป้องกันมือ



6. อุปกรณ์ป้องกันเท้า




7. อุปกรณ์ป้องกันร่างกาย




8.อุปรณ์ป้องกันตกจากที่สูง




- อุปกรณ์ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ล้วนแล้วแต่มีความสำคัญในการปฎิบัติงานช่างทั้งสิ้น การที่ผู้ปฎิบัติงานมีอุปกรณ์ในการป้องกันอุบัติเหตุที่ดีนั้น ย่อมสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้ร่วมงานและผู้ที่อยู่รอบข้างอีกด้วย แต่เหนือสิ่งอื่นใดผู้เขียนก็อยากให้ผู้ปฎิบัติงานทุกท่านทำงานอยู่ในความไม่ประมาท เพราะถึงแม้ว่าอุปกรณ์ในการป้องกันจะดีเพียงไร หากเราประมาทในการทำงานก็อาจก่อให้เกิดอันตรายกับตัวเองและคนรอบข้างก็เป็นได้.


ที่มาแหล่งข้อมูล : www.smr-marine.com

วิธีดูแลปั๊มลมให้ใช้งานได้นาน ๆ

ปั๊มลมหรือเครื่องอัดลม คือ อุปกรณ์บีบอัดอากาศจากบรรยากาศ เพื่อให้เกิดความดันสูงขึ้น และสามารถนำไปใช้ในรูปแบบหนึ่งของ ”พลังงาน” อากาศที่ถูกอัดสามารถนำไปใช้งานได้ดีเสมือนหนึ่งในสามทรัพยากรของโรงงาน การใช้งานลมได้รับความนิยมอย่างมากในลักษณะของการนำลมใช้เป็นตัวขับเครื่องจักรต่างๆ เช่น ใช้ในงานเป่า งานพ่นสีหรืองานอื่นๆ ซึ่งมีคุณสมบัติที่เหมาะสมและหลากหลายตามความต้องการ เเต่การที่เราจะนําปั๊มลมมาใช้งานให้เกิดประสิทธิภาพนั้นจะต้องมีการดูเเลรักษาอย่างสม่ำเสมอไม่ว่าจะเป็นปั๊มลมชนิดไหนก็ตาม จะมีวิธีการดูเเลรักษาคล้าย ๆ กัน คือ





1.น้ำมันเครื่อง  ต้องทำการเปลี่ยนถ่ายอย่างสมํ่าเสอ โดยสังเกตุจากช่องดูน้ำมันเครื่องด้านล่างของลูกสูบ น้ำมันต้องอยู่ระดับกลางช่อง จะต้องไม่มากเกินไปและไม่น้อยเกินไป เปลี่ยนถ่ายทุก 6 เดือน หรือทุก 1,000 ชั่วโมงใช้ น้ำมันเครื่องเบอร์ SAE 40


ตัวอย่าง น้ำมันเครื่องสำหรับป๊มลม

2.สายพาน  สายพานไม่ตึงหรือหย่อนจนเกินไป ต้องมีความการยืดหยุ่น ประมาณ1/2 นิ้ว ถ้าสังเกตุว่ามีการแตกร้าว ควรเปลี่ยนทันที

ตัวอย่างสายพานปั๊มลม

3.กรองอากาศ  ควรนำออกมาเป่าทำความสะอาดอย่างสมํ่าเสมอ ทุก 2 เดือน หรือเปลี่ยนทุกๆ 6 เดือน

4.มอเตอร์  อย่าให้มอเตอร์โดนน้ำและความชื้น เช็ดทำความสะอาดไม่ให้มีเศษฝุ่นผงเกาะจนหนาเกินไปเพราะจะส่งผลต่อการระบายความร้อนในตัวมอเตอร์ ส่วนจุดต่อสายไฟต่างๆต้องตรวจดูว่ายึดติดแน่นหรือไม่ เพื่อไม่ให้เกิดการ spark ในระหว่างที่มอเตอร์ทำงาน

5.ถังเก็บลม  ถังเก็บลม ควรถ่ายน้ำที่ขังอยู่ภายในถังออกทุกๆวัน เพื่อป้องกันไม่ให้มีละอองน้ำออกมาในขณะใช้ลมและป้องกันสนิมที่จะเกิดขึ้นภายในถังลม และควรวางปั๊มลมให้ห่างจากกำแพงประมาณ 30 ซ.ม.เพื่อการระบายความร้อนที่ดี

- หากผู้อ่านสามารถทำตามขั้นตอนง่าย ๆ ดังที่ผมได้แนะนำในบทความนี้ได้แล้วนั้น ก็จะเป็นการยืดอายุการใช้งานของปั๊มลมทีเราใช้งานอยู่ทุก ๆ วันก็เป็นได้ และ ยังช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและลดต้นทุนในการปฎิบัติงานได้อีกด้วย


ที่มาแหล่งข้อมูล : www.smr-marine.com

แนะนำ 10 สุดยอดสว่านไฟฟ้า (ตอน1)

สว่านไฟฟ้า เป็นเครื่องมือเครื่องใช้ที่ทุกคนต้องมีติดบ้านอย่างเเน่นอนไม่ใช่เฉพาะช่างวันนี้ ผมจึงนำเสนอเครื่องมือที่สำคัญอย่างสว่านมาทำ review อันนี้ต้องบอกไว้ก่อนนะครับว่าผมไม่ได้ทำรีวิว เองนะครับ ข้อมูลทั้งหมดผมได้นำมาจากเวปไซต์ pikimal ซึ่งเค้าให้คะเเนนสว่านไฟฟ้าได้อย่างน่าสนใจ หากใครสนใจตามเข้าไปดูได้ครับ

เริ่มจากอันดับ 10 ก่อนเลยนะครับ

อันดับ 10  สว่านไร้สายประสิทธิสูง Milwaukee M18 1/2 In. 18-Volt




  • pikimal ได้ให้เหตุผลในการรีวิวว่า จากการทำสำรวจ user พบว่าผู้ใช้ส่วนมากเลือกสว่านตัวนี้เพราะว่ามีราคาไม่เเพงเมื่อเทียบกับประสิทธิภาพสินค้า กำลังของสว่าน 18 โวลล์เมื่อเทียบประสิทธิภาพกับราคาถือว่าถูกมากๆ โดยความเร็วรอบเฉลี่ยสูงถึง 1800 rpm ชาร์จ 60 นาทีเเบตเตอรี่ก็เต็มเปี่ยม ยังไม่พอ ใส่ดอกเบบ 2.5 นิ้วจนถึง 7 นิ้ว หนัก 5.30 ปอนด์ นับว่าคุณภาพเมื่อเทียบกับราคาระดับนี้หาตัวจับได้ยาก

อันดับ 9  สว่านตัด Milwaukee Reconditioned 120-Volt shear 




  • คนไทยอาจไม่ค่อยคุ้นกับเครื่องมือชนิดนี้เท่าไหร่เอาเป็นว่ามันทำงานคล้ายๆกรรไกรสามารถตัดเเผ่นเหล็นบางๆได้อย่างง่ายดาย เป็นเครื่องมือตัดด้วยระบบ 3 ใบมีดที่มีความคมสูงสุด ตัดได้ 15 ฟุตต่อนาที เเถมมีราคาไม่เเพงกำลังตัดสามารถตัดวัสดุได้หลากหลาย การดีไซต์เครื่องมือเเทบไม่รู้สึกถึงเเรงกระเเทกเลยนับว่าออกเเบบมาได้ดีมากเลยทีเดียว ผมคิดว่าหากใครทำงานอุตสากรรมเหล็กเเผ่นเหล็กเครื่องมือนี้น่าสนใจไม่น้อย

อันดับ 8  สว่านไร้สาย Milwaukee M12 3/8 In. 12-Volt Cordless Drill-Driver




  • เป็นสว่านที่น่าสนใจอีกตัวหนึ่งเลยทีเดียวครับเนื่องจากทำได้ดีทั้งงานเจาะเเละงานขันน๊อต ดีไซต์นั้นทำออกมาได้กระทัดรัดเลยทีเดียว เเละจุดที่น่าสนใจอีกจุดของสว่านตัวนี้ก็คือสามารถชาร์จเเบตเต็มได้ในเวลาเเค่ 30 นาที เเต่มีกำลัง 12 โวล์เท่าสว่านรุ่นใหญ่ๆ ความเร็วรอบ 1500 rpm เเถมมีเกียร์เร่งความเร็วได้ 2 ระดับ มีที่วัดระดับมิเตอร์อยู่ข้างตัวทำได้สมบูรณ์เเบบ จุดด้อยของสว่านตัวนี้ก็คือนี้น้ำหนักมาก เเละก็ตัวเครื่องทำงานเสียงดัง เเต่หากใครต้องการความกะทักรัด บวกกับความเเรงเเบบนี้ก็เเนะนำตัวนี้เลยครับ

อันดับ 7 สว่านโรตารี่ไร้สาย Ryobi P230 18-Volt 1/4-Inch Impact Driver




  • หากใครต้องการสว่านเเรงๆราคาถูกผมเเนะนำตัวนี้จริงๆราคาไม่ถึง 90 เหรียญ เเต่รับลองว่าคุ้มคาทุกเม็ดเงินเเน่นอน No load speed:0-2400 r/min | Blow Per Minutes: 3500 BPM นับว่าน่าสนใจมาก หากเทียบกับราคา ปรับความเร็วได้สามระดับ ข้อดี มากๆเลยของรุ่นนี้ก็คือการใช้งานของเเบตเตอรี่นั้นใช้งานได้นานมากหากเปรียบเทียบกับกำลังเครื่องมือเเต่ข้อเสีย ก็คือเครื่องมือมีเสียงดังมากอาจต้องใช้เครื่องป้องกันเสียงการทำงาน ไม่มีที่ด้ามจับสำหรับให้จับสองมืออาจทำให้จับเครื่องมือได้ไม่ถนัดเท่าที่ควร

อันดับ 6 สว่านไขควง Hilti SD 4500 Drywall Screwdriver




  • ความเจ๋งของความตัวนี้คือสว่านที่ขันน๊อตโดยไม่ต้องเจาะนำร่อง ด้วยกำลังการหมุนมหาศาลสามารถขันน๊อตเข้าเนื้อวัสดุโดยทันที ภายในเวลาไม่ถึง 2 วินาที สำหรับบ้านเราคงยังไม่ค่อยคุ้นกับเครื่องมือประเภทนี้ สว่านนี้เรียกได้ว่าเป็นสว่านเด็กเเนวเลยทีเดียว ใช้เเทนเครื่องมืออย่างเช่นปืนลม เเทนปั้มลมได้สบาย เเต่ก็ยัวเจาะวัสดุที่เเข็งมากๆอย่างเหล็กไม่ได้งานนี้ต้องไม้เท่านั้นครับ 120 VOLTS, 740 WATTS, SPEED CONTROL SWITCH, MAX TORQUE 84, N0-LOAD SPEED 4500, AND 11.4 INCH LENGTH


ที่มาแหล่งข้อมูล : www.smr-marine.com

การดูแลรักษามอเตอร์

มอเตอร์ คือ เครื่องใช้ไฟฟ้าที่เปลี่ยนพลังงานไฟฟ้าเป็นพลังงานกล ซึ่งในตัวมอเตอร์จะประกอบด้วยขดลวดที่พันรอบเเกนโลหะที่วางอยู่ระหว่างขั้วเเม่เหล็ก เมือ่ผ่านกระเเสไฟฟ้าเข้าไปยังขดลวดที่อยู่ระหว่างขั้วเเม่เหล็ก จะทำให้ขดลวดหมุนไปรอบเเกน เเละเมื่อสลับขั้วไฟฟ้า การหมุนของขดลวดจะหมุนกลับทางเดิม ซึ่งมอเตอร์หลัก ๆ ทั่วไปจะมี อยู่ 2 ประเภท คือ
  1. มอเตอร์กระแสตรง ( Dc Motor)
  2. มอเตอร์กระแสสลับ ( Ac Motor)




การใช้งานมอเตอร์ให้สามารถใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพเเละการดูเเลรักษาให้ใช้งานได้นานๆนั้นทำได้ไม่ยากหลักการทั่วไปก็จะมีดังนี้

1.เลือกใช้มอเตอร์ที่มีขนาดเหมาะสมกับโหลด เช่น การใช้งานมอเตอร์ที่มีขนาดน้อยกว่าโหลดจะทำให้มอเตอร์ทำงานหนักเกินไปเเละก่อให้เกิดความเสียหายได้

2.ตรวจสอบเเรงดันไฟฟ้าที่ใช้จ่ายให้กับมอเตอร์ ถ้ามอเตอร์ทำงานต่างไปจากพิกัดบนป้ายบอกรายละเอียด (ติดอยู่บนตัวมอเตอร์) จะทำให้ประสิทธิภาพการทำงานของมอเตอร์ผิดไป เเละอายุการทำงานของมอเตอร์ลดลงไปด้วย

3.ห้ามใช้มอเตอร์กระเเสสลับ (AC Motor) ช่วงที่ไฟตก หรือเเรงดันไฟฟ้าไม่ถึง 220v เนื่องจากมอเตอร์จะไม่หมุนเเละทำให้กระเเสไฟฟ้าดันกลับ จะทำให้ขดลวดร้อนจัดจนเกิดไหม้เสียหายได้

4.หลีกเลี่ยงการเดินมอเตอร์ตัวเปล่า (ไม่มีโหลดในการทำงาน) เพราะกำลังมอเตอร์จะเปลี่ยนเป็นกำลังงานสูญเสียทั้งหมด ทำให้อายุการช้งานของมอเตอร์ลดลงด้วย

5.หมั่นตรวจสอบระบบทางกลของมอเตอร์เป็นประจำ เช่น การหยอดนํ้ามันหล่อลื่น การอัดจารบี เพื่อลดการสึกหรอเนื่องจากเเรงเสียดทานหรือการฝืด เเละลดพลังงานสูญเสียของเครื่อง ยืดอายุการใช้งานของมอเตอร์ให้าวนานขึ้น

6.มั่นตรวจสอบความสะอาดของมอเตอร์อยู่เสมอ เนื่องจากฝุ่นละอองที่เกาะติดอยู่ทำให้การระบายความร้อนของมอเตอร์ทำได้ไม่ดี มอเตอร์จะมีอุณหภูมิสูงขึ้นซึ่งจะทำให้เกิดกำลังงานสูญเสียของมอเตอร์เพิ่มขึ้น เนื่องจากความต้านทานของขดลวดเพิ่มขึ้น



ที่มาแหล่งข้อมูล : www.smr-marine.com